ลืมตาดูโลก



จำได้ว่าผมลืมตาดูโลกนี้ก็พบว่าตัวเองนั้นมีชีวิตอยู่ในเรือลำใหญ่  ซึ่งมีหลังคาเป็นสังกะสี  สำหรับที่นอนนั้นเป็นกระดานซึ่งวางอยู่บนกองเกลือ และเรือลำนี้มักแล่นไปในแม่น้ำสายใหญ่ ที่เรียกว่า “แม่น้ำเจ้าพระยา” ชีวิตดูเป็นเด็กเมืองหลวงจังเลยครับ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอก

เมื่อเรือผ่านสะพานขนาดใหญ่ และมองขึ้นไปบนสะพานด้วยระยะทางที่ไกล จะเห็นมีรถยนต์คันเล็ก ๆ เต็มไปหมด ดูแล้วเหมือนรถของเล่น  ผมคิดเสมอว่าสักวันพ่อกับแม่คงจะเก็บรถเหล่านั้นมาให้ผมเล่นแน่ ๆ ถ้ามีเวลา โดยที่ไม่ทราบเลยว่ารถยนต์เหล่านั้นเป็นของจริง  แต่ด้วยระยะทางที่มันไกลจึงดูเป็นรถของเล่น  ซึ่งทุกวันนี้ภาพเหล่านั้นก็ยังคงติดตาผมอยู่เสมอ

 เรือที่ล่องไปตามแม่น้ำลำคลองต่าง ๆ นี้ ไม่ได้มีแค่เรือของพ่อผมเท่านั้น แต่ยังมีเรือลำอื่น ๆ ของครอบครัวอื่น ๆ อีกด้วย เมื่อเรือล่องไปถึงจุดหมายปลายทาง และจอดเทียบท่าผมไม่ค่อยชอบเลย  เนื่องจากจะมีวัตถุเป็นแท่งสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่แหย่เข้ามาในเรือ และขนเกลือออกไปจากเรือของพ่อผม  อยากจะบอกว่าผมไม่ได้หวงเกลือหรอกนะ แต่ผมกลัวเจ้าวัตถุชิ้นนั้นที่มันหมุนได้ และก็มีเสียงดังอีกด้วย มารู้ตอนโตว่าวัตถุชิ้นนั้นก็คือสายพานที่ใช้สำหรับขนเกลือขึ้นฉางเกลือนั่นเอง

หลังจากเกลือถูกขนออกไปจากเรือจนหมด แม่จะพาผมขึ้นฝั่งและเดินไปตามซอยเล็ก ๆ ที่มีบ้านที่สร้างจากปูนใหญ่โต ยังจำได้ว่าบ้านหลังนั้นปลูกต้นมะม่วงอยู่หน้าบ้าน และมะม่วงก็ห้อยออกมานอกรั้วชวนให้เก็บลูกของมันมากินเป็นอย่างมาก แต่ผมไม่ได้เก็บหรอกครับ เพราะแม่สอนตั้งแต่เด็ก ๆ ว่าห้ามเอาของคนอื่นมาโดยไม่ได้รับอนุญาต


ในซอยนั้นจะมีร้านขายขนมของเด็ก ๆ ที่มันเป็นโหล ๆ และต้องหยอดเหรียญ สมัยนั้นส่วนใหญ่ข้างในเป็นขนม ผมมักได้บ่อย ๆ ก็คือไข่นกกระทา เป็นลูกอมสีขาว ๆ อมครั้งแรกหวาน ๆ แต่อมไปสักพักก็จะมีรสชาติเปรี้ยว ๆ อร่อยดี เรียกว่ากินกันจนเจ็บลิ้นเลยทีเดียว ผมมาทราบในภายหลังว่าพื้นที่บริเวณนั้นเรียกว่า "ดาวคะนอง"

หลังจากแม่ซื้อกับข้าว และผมซื้อขนมเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับลงเรือ และเดินทางกลับบ้านด้วยเรือที่เดินทางได้เร็วกว่าเดิมมาก เพราะเกลือได้ถูกขนออกไปจากเรือจนหมดแล้ว

รับชมวีดีโอภาพรวมของการทำนาเกลือได้ที่ Ninetechno ตะลุยนาเกลือ

ความคิดเห็น